‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชาติ โหติ…เป.… ภโว… อุปาทานํ… ตณฺหา… เวทนา… ผสฺโส… สฬายตนํ… นามรูปํ… วิญฺญาณํ… สงฺขารา โหนฺติ, กิํปจฺจยา สงฺขารา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว , โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘อวิชฺชาย โข สติ สงฺขารา โหนฺติ, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’’ติฯ
‘‘อิติ หิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา; สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ ‘สมุทโย, สมุทโย’ติ โข เม, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปญฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิฯ
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ชรามรณํ น โหติ, กิสฺส นิโรธา ชรามรณนิโรโธ’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ชาติยา โข อสติ ชรามรณํ น โหติ, ชาตินิโรธา ชรามรณนิโรโธ’’’ติฯ
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ชาติ น โหติ…เป.… ภโว… อุปาทานํ… ตณฺหา… เวทนา… ผสฺโส… สฬายตนํ… นามรูปํ… วิญฺญาณํ… สงฺขารา น โหนฺติ, กิสฺส นิโรธา สงฺขารนิโรโธ’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘อวิชฺชาย โข อสติ สงฺขารา น โหนฺติ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’’ติฯ
‘‘อิติ หิทํ อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ; สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติฯ ‘นิโรโธ, นิโรโธ’ติ โข เม, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปญฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาที’’ติฯ ทสโมฯ
พุทฺธวคฺโค ปฐโมฯ
ตสฺสุทฺทานํ –
เทสนา วิภงฺคปฏิปทา จ,
วิปสฺสี สิขี จ เวสฺสภู;
กกุสนฺโธ โกณาคมโน กสฺสโป,
มหาสกฺยมุนิ จ โคตโมติฯ
2. อาหารวคฺโค