10. สงฺฆวนฺทนาสุตฺตํ
[266] สาวตฺถิยํ เชตวเนฯ ตตฺร โข…เป.… เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลิํ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘โยเชหิ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ อาชญฺญรถํ , อุยฺยานภูมิํ คจฺฉาม สุภูมิํ ทสฺสนายา’ติฯ ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา, สหสฺสยุตฺตํ อาชญฺญรถํ โยเชตฺวา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘ยุตฺโต โข เต, มาริส, สหสฺสยุตฺโต อาชญฺญรโถ, ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญสี’’’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว , สกฺโก เทวานมินฺโท เวชยนฺตปาสาทา โอโรหนฺโต อญฺชลิํ กตฺวา สุทํ ภิกฺขุสงฺฆํ นมสฺสติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตญฺหิ เอเต นมสฺเสยฺยุํ, ปูติเทหสยา นรา;
นิมุคฺคา กุณปมฺเหเต, ขุปฺปิปาสสมปฺปิตาฯ
‘‘กิํ นุ เตสํ ปิหยสิ, อนาคาราน วาสว;
อาจารํ อิสินํ พฺรูหิ, ตํ สุโณม วโจ ตวา’’ติฯ
‘‘เอตํ เตสํ ปิหยามิ, อนาคาราน มาตลิ;
ยมฺหา คามา ปกฺกมนฺติ, อนเปกฺขา วชนฺติ เตฯ
‘‘น เตสํ โกฏฺเฐ โอเปนฺติ, น กุมฺภิ [น กุมฺภา (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] น กโฬปิยํ [ขโฬปิยํ (สี.)];
ปรนิฏฺฐิตเมสานา [ปรนิฏฺฐิตเมสนา (สฺยา. กํ. ก.)], เตน ยาเปนฺติ สุพฺพตาฯ
‘‘สุมนฺตมนฺติโน ธีรา, ตุณฺหีภูตา สมญฺจรา;
เทวา วิรุทฺธา อสุเรหิ, ปุถุ มจฺจา จ มาตลิฯ
‘‘อวิรุทฺธา วิรุทฺเธสุ, อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตา;
สาทาเนสุ อนาทานา, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติฯ
‘‘เสฏฺฐา หิ กิร โลกสฺมิํ, เย ตฺวํ สกฺก นมสฺสสิ;
อหมฺปิ เต นมสฺสามิ, เย นมสฺสสิ วาสวา’’ติฯ
‘‘อิทํ วตฺวาน มฆวา, เทวราชา สุชมฺปติ;
ภิกฺขุสงฺฆํ นมสฺสิตฺวา, ปมุโข รถมารุหี’’ติฯ
ทุติโย วคฺโคฯ
ตสฺสุทฺทานํ –
เทวา ปน [ว ตปเทน (สี. สฺยา. กํ.)] ตโย วุตฺตา, ทลิทฺทญฺจ รามเณยฺยกํ;
ยชมานญฺจ วนฺทนา, ตโย สกฺกนมสฺสนาติฯ
3. ตติยวคฺโค