อถ โข อุปฺปลวณฺณาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข อุปฺปลวณฺณาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติฯ อถ โข อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘สตํ สหสฺสานิปิ ธุตฺตกานํ,
อิธาคตา ตาทิสกา ภเวยฺยุํ;
โลมํ น อิญฺชามิ น สนฺตสามิ,
น มาร ภายามิ ตเมกิกาปิฯ
‘‘เอสา อนฺตรธายามิ, กุจฺฉิํ วา ปวิสามิ เต;
ปขุมนฺตริกายมฺปิ, ติฏฺฐนฺติํ มํ น ทกฺขสิฯ
‘‘จิตฺตสฺมิํ วสีภูตามฺหิ, อิทฺธิปาทา สุภาวิตา;
สพฺพพนฺธนมุตฺตามฺหิ, น ตํ ภายามิ อาวุโส’’ติฯ
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติฯ
6. จาลาสุตฺตํ
[167] สาวตฺถินิทานํฯ อถ โข จาลา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา…เป.… อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ อถ โข มาโร ปาปิมา เยน จาลา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จาลํ ภิกฺขุนิํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ ตฺวํ, ภิกฺขุนิ, น โรเจสี’’ติ? ‘‘ชาติํ ขฺวาหํ, อาวุโส, น โรเจมี’’ติฯ
‘‘กิํ นุ ชาติํ น โรเจสิ, ชาโต กามานิ ภุญฺชติ;
โก นุ ตํ อิทมาทปยิ, ชาติํ มา โรจ [มา โรเจสิ (สี. ปี.)] ภิกฺขุนี’’ติฯ
‘‘ชาตสฺส มรณํ โหติ, ชาโต ทุกฺขานิ ผุสฺสติ [ปสฺสติ (สี. ปี.)];
พนฺธํ วธํ ปริกฺเลสํ, ตสฺมา ชาติํ น โรจเยฯ