เมนู

1. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

[602] ตติยวคฺคสฺส ปฐเม อฑฺฒเตรสปลาติ มาคธิกาย มานตุลาย อฑฺฒเตรสปลปริมิตํ อุทกํ คณฺหนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตถา ปริมิตํ ยวมาสาทิํ คณฺหนฺติํ สนฺธายาติ เกจิฯ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ปกติจตุมุฏฺฐิกํ กุฑุวํ, จตุกุฑุวํ นาฬิ, ตาย นาฬิยา โสฬส นาฬิโย โทณํ, ตํ ปน มคธนาฬิยา ทฺวาทส นาฬิโย โหนฺตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ทมิฬนาฬีติ ปุราณนาฬิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สา จ จตุมุฏฺฐิเกหิ กุฑุเวหิ อฏฺฐ กุฑุวา, ตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย มคธนาฬิํ คณฺหาติฯ ปุราณา ปน ‘‘สีหฬนาฬิ ติสฺโส นาฬิโย คณฺหาตี’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน มคธนาฬิ อิทานิ ปวตฺตมานาย จตุกุฑุวาย ทมิฬนาฬิยา จตุนาฬิกา โหติ, ตโต มคธนาฬิโต อุปฑฺฒญฺจ ปุราณทมิฬนาฬิสงฺขาตํ ปตฺถํ นาม โหติ, เอเตน จ ‘‘โอมโก นาม ปตฺโต ปตฺโถทนํ คณฺหาตี’’ติ ปาฬิวจนญฺจ สเมติ, โลกิเยหิปิ –

‘‘โลกิยํ มคธญฺเจติ, ปตฺถทฺวยมุทาหฏํ;

โลกิยํ โสฬสปลํ, มาคธํ ทิคุณํ มต’’นฺติฯ –

เอวํ โลเก นาฬิยา มคธนาฬิ ทิคุณาติ ทสฺสิตา, เอวญฺจ คยฺหมาเน โอมกปตฺตสฺส จ ยาปนมตฺโตทนคาหิกา จ สิทฺธา โหติฯ น หิ สกฺกา อฏฺฐกุฑุวโต อูโนทนคาหินา ปตฺเตน อถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปริเยสิตฺวา ยาเปตุํฯ เตเนว เวรญฺชกณฺฑฏฺฐกถายํ ‘‘ปตฺโถ นาม นาฬิมตฺตํ โหติ เอกสฺส ปุริสสฺส อลํ ยาปนายฯ วุตฺตมฺปิ เหตํ ‘ปตฺโถทโน นาลมยํ ทุวินฺน’’’นฺติ (ชา. 2.21.192) วุตฺตํ, ‘‘เอเกกสฺส ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ปโหตี’’ติ จ อาคหํ, ตสฺมา อิธ วุตฺตนยานุสาเรเนว คเหตพฺพํฯ

อาโลปสฺส อนุรูปนฺติ เอตฺถ ‘‘พฺยญฺชนสฺส มตฺตา นาม โอทนโต จตุตฺถภาโค’’ติ (ม. นิ. อฏฺฐ. 2.387) พฺรหฺมายุสุตฺตฏฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา อาโลปสฺส จตุตฺถภาคเมว พฺยญฺชนํ อนุรูปนฺติ ทฏฺฐพฺพํฯ โอทนคติกาเนวาติ โอทนสฺส อนฺโต เอว ปวิสนสีลานิ สิยุํ, อตฺตโน โอกาสํ น คเวสนฺตีติ อตฺโถฯ นามมตฺเตติ ‘‘มชฺฌิโม ปตฺโต มชฺฌิโมมโก’’ติอาทินามมตฺเตฯ

[607-8] เอวํ ปโยเค ปโยเคติ ปริโยสานาโลปชฺโฌหรณปโยเค ปโยเค, อาโลเป อาโลเปติ อตฺโถฯ กตฺวาติ ปากปริโยสานํ กตฺวาฯ