เมนู

10. กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา

[593-5] ทสเม ปาฬิยํ ชานาหีติ อิทาเนว อุปธาเรหิ, อิทํ ปจฺฉา ฉฑฺเฑตุํ น สกฺกาติ อธิปฺปาโยฯ อิมินาติ ภิกฺขุนา ทิยฺยมานํ วุตฺตํฯ อิมนฺติ ปเรน ปฏิทิยฺยมานํฯ เสสญาตเกสุ สทฺธาเทยฺยวินิปาตสมฺภวโต ตทภาวฏฺฐานมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตรํ ปน ปิตรํ วา’’ติ วุตฺตํฯ น สกฺกา ตํ ปฏิกฺขิปิตุนฺติ เอตฺถ ยถา รูปิยํ ภตกานํ ทตฺวา อสฺสามิกภูมิยํ อโยพีชสมุฏฺฐาปเน ภติยา ขณนฺตานํ สนฺติกา คหิตภณฺฑกภาเวปิ ปาจิตฺติยํ โหติ, เอวมิธาปีติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํฯ ยญฺหิ อสฺสามิกภูมิํ ขณิตฺวา สมุฏฺฐาปิตํ อโยพีชํ, ตํ ภตกานํ สนฺตกํ นาม โหติ, ตทตฺถญฺจ เตสํ รูปิยํ เทนฺตสฺส รูปิยสํโวหาโรว โหติ อกปฺปิยโวหาเรน รชนจฺฉลฺลิอาทีนํ อาหราปเน กยวิกฺกโย วิย, ตาทิสมฺปิ ปรภณฺฑํ อิธ วตฺถโธวนาทีสุ นตฺถิ, ตสฺมา อฏฺฐกถาปมาเณเนเวตฺถ ปาจิตฺติยํ คเหตพฺพํฯ

[597] ปุญฺญํ ภวิสฺสตีติ เทตีติ เอตฺถ สเจ ภิกฺขุ อตฺตโน ภณฺฑสฺส อปฺปคฺฆตํ ญตฺวาปิ อกเถตฺวา ‘‘อิทาเนว อุปปริกฺขิตฺวา คณฺห, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี โหหี’’ติ วทติ, อิตโร จ อตฺตโน ทิยฺยมานสฺส มหคฺฆตํ อชานนฺโต ‘‘อูนํ วา อธิกํ วา ตุมฺหากเมวา’’ติ ทตฺวา คจฺฉติ, ภิกฺขุสฺส อนาปตฺติ อุปนนฺทสฺส วิย ปริพฺพาชกวตฺถุคฺคหเณฯ วิปฺปฏิสาริสฺส ปุน สกสญฺญาย อาคตสฺส ยํ อธิกํ คหิตํ, ตํ ทาตพฺพํฯ เยน ยํ ปริวตฺเตติ, เตสํ อุภินฺนํ กปฺปิยวตฺถุตา, อสหธมฺมิกตา, กยวิกฺกยาปชฺชนญฺจาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ

กยวิกฺกยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

นิฏฺฐิโต โกสิยวคฺโค ทุติโยฯ

3. ปตฺตวคฺโค

1. ปตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

[602] ตติยวคฺคสฺส ปฐเม อฑฺฒเตรสปลาติ มาคธิกาย มานตุลาย อฑฺฒเตรสปลปริมิตํ อุทกํ คณฺหนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตถา ปริมิตํ ยวมาสาทิํ คณฺหนฺติํ สนฺธายาติ เกจิฯ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ปกติจตุมุฏฺฐิกํ กุฑุวํ, จตุกุฑุวํ นาฬิ, ตาย นาฬิยา โสฬส นาฬิโย โทณํ, ตํ ปน มคธนาฬิยา ทฺวาทส นาฬิโย โหนฺตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ทมิฬนาฬีติ ปุราณนาฬิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สา จ จตุมุฏฺฐิเกหิ กุฑุเวหิ อฏฺฐ กุฑุวา, ตาย นาฬิยา ทฺเว นาฬิโย มคธนาฬิํ คณฺหาติฯ ปุราณา ปน ‘‘สีหฬนาฬิ ติสฺโส นาฬิโย คณฺหาตี’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน มคธนาฬิ อิทานิ ปวตฺตมานาย จตุกุฑุวาย ทมิฬนาฬิยา จตุนาฬิกา โหติ, ตโต มคธนาฬิโต อุปฑฺฒญฺจ ปุราณทมิฬนาฬิสงฺขาตํ ปตฺถํ นาม โหติ, เอเตน จ ‘‘โอมโก นาม ปตฺโต ปตฺโถทนํ คณฺหาตี’’ติ ปาฬิวจนญฺจ สเมติ, โลกิเยหิปิ –

‘‘โลกิยํ มคธญฺเจติ, ปตฺถทฺวยมุทาหฏํ;

โลกิยํ โสฬสปลํ, มาคธํ ทิคุณํ มต’’นฺติฯ –

เอวํ โลเก นาฬิยา มคธนาฬิ ทิคุณาติ ทสฺสิตา, เอวญฺจ คยฺหมาเน โอมกปตฺตสฺส จ ยาปนมตฺโตทนคาหิกา จ สิทฺธา โหติฯ น หิ สกฺกา อฏฺฐกุฑุวโต อูโนทนคาหินา ปตฺเตน อถูปีกตํ ปิณฺฑปาตํ ปริเยสิตฺวา ยาเปตุํฯ เตเนว เวรญฺชกณฺฑฏฺฐกถายํ ‘‘ปตฺโถ นาม นาฬิมตฺตํ โหติ เอกสฺส ปุริสสฺส อลํ ยาปนายฯ วุตฺตมฺปิ เหตํ ‘ปตฺโถทโน นาลมยํ ทุวินฺน’’’นฺติ (ชา. 2.21.192) วุตฺตํ, ‘‘เอเกกสฺส ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ปโหตี’’ติ จ อาคหํ, ตสฺมา อิธ วุตฺตนยานุสาเรเนว คเหตพฺพํฯ

อาโลปสฺส อนุรูปนฺติ เอตฺถ ‘‘พฺยญฺชนสฺส มตฺตา นาม โอทนโต จตุตฺถภาโค’’ติ (ม. นิ. อฏฺฐ. 2.387) พฺรหฺมายุสุตฺตฏฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา อาโลปสฺส จตุตฺถภาคเมว พฺยญฺชนํ อนุรูปนฺติ ทฏฺฐพฺพํฯ โอทนคติกาเนวาติ โอทนสฺส อนฺโต เอว ปวิสนสีลานิ สิยุํ, อตฺตโน โอกาสํ น คเวสนฺตีติ อตฺโถฯ นามมตฺเตติ ‘‘มชฺฌิโม ปตฺโต มชฺฌิโมมโก’’ติอาทินามมตฺเตฯ

[607-8] เอวํ ปโยเค ปโยเคติ ปริโยสานาโลปชฺโฌหรณปโยเค ปโยเค, อาโลเป อาโลเปติ อตฺโถฯ กตฺวาติ ปากปริโยสานํ กตฺวาฯ